หงส์แดงเต็มสูบ,สาลิกาดงฟอร์มดี! 5 ประเด็นก่อนเกม ลิเวอร์พูล พบ นิวคาสเซิ่ล
เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล เพิ่งจะประกาศข่าวดีในการต่อสัญญาฉบับใหม่ก่อนที่จะนำลูกทีมบุกเยือน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค ในวันเสาร์ที่ 30 เมษายนนี้ โดยพวกเขาจำเป็นต้องคว้า 3 คะแนนให้ได้ เพื่อเป็นการส่งแรงกดดันใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ลงแข่งหลังจากนั้น ขณะที่ “สาลิกาดง” ตอนนี้ต้องบอกว่าอยู่ในช่วงฟอร์มแรงเหลือเกิน และมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะดับฝันคว้า 4 แชมป์ของ “หงส์แดง” เช่นกัน
1. กำลังใจมากทวีคูณหลังข่าวดี
ตอนนี้ไม่มีข่าวดีไหนที่แฟนบอล “หงส์แดง” และเหล่านักเตะทุกคนหัวใจพองโตที่สุดเท่ากับการที่ คล็อปป์ ประกาศขยายสัญญาใหม่ออกไปอีก 2 ปีทำให้เขาจะอยู่กุมบังเหียนไปจนถึงปี 2026 แน่นอนว่าสิ่งนี้ถือเป็นการแสดงทิศทางที่ชัดเจนของกุนซือชาวเยอรมันที่ต้องการสานความสำเร็จออกไปอย่างต่อเนื่อง
การที คล็อปป์ ตัดสินใจอยู่ทำงานกับ ลิเวอร์พูล ออกไปแบบนี้ถือเป็นการวางรากฐานเพื่อให้ “เดอะ เร้ดส์” แข็งแกร่งไปอีกนานหลายปี และยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาอยากนำสโมสรแห่งนี้ไขว้คว้าเกียรติยศเพิ่มขึ้น
แน่นอนว่าการอยู่กุมบังเหียนของ คล็อปป์ ออกไปจากเดิม 2024 ไปเป็น 2026 ย่อมส่งผลดีกับบรรดาผู้เล่นคีย์แมนที่ยังไม่ขยายสัญญาอย่างเช่น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, นาบี เกอิต้า และ เจมส์ มิลเนอร์ เพราะพวกเขาเหล่านี้น่าจะยินดีที่จะสลัดน้ำหมึกต่อสัญญาใหม่เพราะหัวเรือใหญ่อยู่ฝากอนาคตกับทีมต่อไป
ที่สำคัญการที่ คล็อปป์ อยู่ในแอนฟิลด์อีกนาน น่าจะเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักเตะใหม่ฝีเท้าจัดจ้านอยากย้ายมาเล่นกับ ลิเวอร์พูล เพราะมีแข้งหลายคนอยากมีโอกาสได้ร่วมงานกับเจ้านายหน้าเปื้อนยิ้มเลือดด๊อยท์ช
2. ฟอร์มนิวคาสเซิ่ลกำลังแรง
ตอนนี้ใครบอกว่า นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เป็นรองลิเวอร์พูลต้องคิดใหม่ เพราะผลงานของทัพ “สาลิกาดง” ถือว่าร้อนแรงสุดๆ และทีมเยือนห้ามประมาทอย่างเด็ดขาดไม่อย่างนั้นอาจจะมีโอกาสน้ำตาตกได้เลยทีเดียว
ทีมของกุนซือเอ็ดดี้ ฮาว สร้างผลงานดีมีคุณภาพ โดยพวกเขามีโอกาสที่จะเก็บชัยชนะ 5 เกมติดต่อกันในพรีเมียร์ลีกซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2014 ในตอนนั้นอลัน พาร์ดิว คุมทัพแถมยังชนะ ลิเวอร์พูล ในบ้านซะด้วย
สำหรับจุดเด่นในการเล่นที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค ก็คือพวกเขาชนะ 6 เกมติดต่อกันกับการเล่นในลีก ซึ่งแน่นอนว่าที่สนามเหย้าของพวกเขาถือเป็นดินแดนที่อันตรายสำหรับทีมเยือนทุกสโมสร อย่างไรก็ตาม “เดอะ แม็กพายส์” มีจุดด้อยตรงที่พวกเขาแพ้ 5 เกมลีกซีซั่นนี้ในแมตช์ปะทะกับทีมท็อปโฟร์ในเวลานี้
อีกอย่างที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ดูเหมือนจะได้เปรียบ นิวคาสเซิ่ล ก็คือเจ้าบ้านไม่เคยสะกดคำว่าชันชนะในเกมลีก 10 แมตช์เวลาที่ปะทะกับทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ (เสมอ 4 แพ้ 6 เกม) อย่างไรก็ตามนี่อาจจะเป็นจุดที่ทำให้ “สาลิกาดง” มุ่งมั่นอยากปราบพวกเขาก็ได้
3. ซาลาห์ทีเด็ดที่ “สาลิกาดง” ต้องระวังให้ดี
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลับมามีความมั่นใจอีกครั้งหลังจากฟอร์มฝืดมาได้ซักพักใหญ่ๆ โดยผลงานของเขาในเวลานี้ต้องบอกว่าร้อนแรงสุดๆ และจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2021/2022 ของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอลอังกฤษ (เอฟดับเบิ้ลยูเอ)
ผลงานชิ้นโบว์แดงของ “บังโม” ไม่ธรรมดาจริงๆ ในฤดูกาลนี้ ด้วยการซัดไป 30 ประตูกับ 14 แอสซิสต์จากการลงสนาม 44 แมตช์ และมีส่วนสำคัญทำให้ “เดอะ เร้ดส์” มีลุ้นสร้างประวัติศาสตร์คว้า 4 แชมป์ในซีซั่นเดียว หลังได้มาครอบครอง 1 รายการนั่นก็คือคาราบาว คัพ
ขณะเดียวกัน ซาลาห์ ยังคงนำเป็นดาวซัลโวสูงสุดในลีก ด้วยการตะบันไปถึง 22 ประตูกับ 13 แอสซิสต์ แน่นอนว่านี่ถือเป็นผลงานชั้นยอดของเขากับต้นสังกัด และนี่เป็นเครื่องการันตีถึงความอันตรายที่แนวรับเจ้าบ้านต้องระมัดระวังเอาไว้ให้ดีๆ
ส่วนสถิติในการพบกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เจ้าตัวซัดไปถึง 6 ประตูจาก 7 เกมลีกหลังสุด แต่กระนั้น “คิง ออฟ อียิปต์” ทำได้แค่ประตูเดียวเท่านั้นในการลงเล่นในพรีเมียร์ลีกที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค
4. มักซิแม็ง-เชลวี่ย์ ฟอร์มไม่ธรรมดา
อัลล็อง แซงต์-มักซิแม็ง เป็นหนึ่งในนักเตะที่แผงแบ็กโฟร์ “หงส์แดง” ต้องจับตาดูเอาไว้ให้ดีๆ เพราะด้วยความรวดเร็ว, ความแข็งแกร่งและความคล่องตัว คงสร้างปัญหาให้กับแนวรับทีมเยือนไม่มากก็น้อย
ฟอร์มของดาวเตะเลือดเฟร้นช์ กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยลีลาของเขาคงทำให้กองหลังลิเวอร์พูล ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะหากเผลอแค่เสี้ยววินาทีมีโอกาสที่จะโดนพ่อหนุ่มรายนี้แตะบอลกระชากหนีไปเลยก็ได้
ส่วนผู้เล่นอีกรายที่อันตรายไม่แพ้กันนั่นก็คือ จอนโจ้ เชลวี่ย์ เด็กเก๋าลิเวอร์พูล ซึ่งคาดว่าคงได้ลงเล่นตัวจริงในเกมนี้ และจะทำหน้าที่คุมเกมแดนกลางให้กับเจ้าบ้าน และทีเด็ดของเขาก็คือการเล่นที่ดุดันรวมทั้งการยิงไกลที่อันตรายและแม่นยำ
ขณะที่ คีแรน ทริปเปียร์ แม้ว่าจะหายเจ็บกลับมาลงซ้อมได้แล้ว แต่สำหรับเกมนี้อาจจะยังเร็วเกินไป ด้าน คัลลั่ม วิลสัน ไม่สามารถเล่นได้ในเกมนี้ ฉะนั้นหากมองจากขุมกำลังของเจ้าบ้านในตอนนี้อาจจะเสียเปรียบพอสมควร
5. เส้นทางประวัติศาสตร์ยังตื่นเต้นต่อไปหรือเริ่มสะดุด
หนึ่งในประเด็นที่หลายคนยังคงรู้สึกตื่นเต้นก็คือการได้เห็น ลิเวอร์พูล ลุ้นความสำเร็จ 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ ซึ่งเคยมีทีมไหนทำได้มาก่อนในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนัง ฉะนั้นผลการแข่งขันในเกมนี้จึงมีความสำคัญอย่างมาก
ถ้าหาก “หงส์แดง” สามารถบุกเก็บ 3 คะแนนได้อย่างที่ต้องการ นั่นจะเป็นการสานต่อความตื่นเต้นในการลุ้นความสำเร็จที่สุดยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ยังเป็นการโยนความกดดันให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ต้องลงแข่งหลังพวกเขา
อย่าลืมว่า “เรือใบสีฟ้า” ยังมีโปรแกรมหนักพอสมควร เพราะนอกจากการไปเยือน ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่ตอนนี้ผลงานเริ่มดีวันดีขึ้นแล้ว ทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังต้องไปเยือน เรอัล มาดริด ที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งโอกาสเข้ารอบยังต้องลุ้นแม้ว่าเกมแรกจะเปิดบ้านชนะ 4-3 ก็ตาม
ส่วน ลิเวอร์พูล ก็ใช่ว่าจะงานเบาเพราะพวกเขายังต้องไปเยือน บียาร์เรอัล และตามด้วยรับมือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่สำคัญพวกเขายังต้องลงสนาม 3 วันต่อเกมซึ่งหากสภาพร่างกายไม่พร้อม หรือนักเตะคีย์แมนเกิดบาดเจ็บขึ้นมา อาจส่งผลกระทบในการลุ้น 4 แชมป์ได้เลยทีเดียว